5 อย่างเกี่ยวกับตัวเองที่คุณควรเลิกเพื่อจะไปสู่ชีวิตที่ดีกว่าเดิม

  • 23 May 2023
  • 7874
หางาน,สมัครงาน,งาน,5 อย่างเกี่ยวกับตัวเองที่คุณควรเลิกเพื่อจะไปสู่ชีวิตที่ดีกว่าเดิม

ไหนๆเราก็จะเข้าใกล้ช่วงปีใหม่แล้ว ผมเชื่อว่าหลายๆคนก็พยายามตั้งเป้าว่าปีหน้าเราจะมีชีวิตที่ดี บ้างก็อยากให้อะไรๆมันดีกว่าดี อยากให้ตัวเองพัฒนาและก้าวหน้าไปกว่านี้เป็นแน่ ซึ่งนั่นก็คงไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไรแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ของผมแล้ว ความปรารถนาดังกล่าวนั้นมักไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ เท่าไรนัก และต่อให้ไม่ใช่ปีใหม่เอง ผมก็มักได้ยินคนบ่นบ่อยๆ ว่าชีวิตตัวเองไม่ดี จม หรือไม่ก็พร่ำบอกว่าเหมือนชีวิตเราไม่มีที่ทางว่า “ได้ดี” กับเขา ลองมานั่งๆ คิดรวมทั้งวิเคราะห์เรื่องราวของคนต่างๆ ที่ผมได้พบ รู้จัก รวมไปทั้งเรื่องราวจากการอ่านหนังสือต่างๆ นั้น ผมมักพูดเสมอๆ ว่าการที่ชีวิตของเราจะดีขึ้นนั้นอาจจะมีส่วนของโชคช่วยก็จริง แต่ต่อให้เราไม่มีโชคขนาดนั้น เราเองก็ยังมีทางที่จะสร้างชีวิตที่ดีได้ แต่เรามักจะติดกับบางอย่างที่อยู่ใกล้ตัวมาก นั่นก็คือ “ตัวเราเอง” นั่นแหละ บล็อกนี้ผมเลยขอลองรวบรวมสิ่งที่ผมแนะนำให้ “เลิก” เสีย แล้วเชื่อว่าคุณจะสร้างโอกาสไปสู่ชีวิตที่ดีได้อีกมากโขทีเดียวล่ะครับ

1. เลิกเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล

ฟังคนอื่นมั่ง – คือสิ่งที่ผมมักบอกหลายๆคนที่มักเอาความคิดตัวเองเป็นที่ตั้ง ประเภทชั้นทำอะไรถูกเสมอ ชั้นมีเหตุผลของชั้น และเหตุผลของชั้นนั้นเพียงพอสำหรับทุกๆ อย่าง และพอมากๆ เข้าก็กลายเป็นว่าทุกอย่างในชีวิตต้องเป็นไปตามที่ตัวเองคิด สิ่งที่คนอื่นพูดมานั้นหากไม่ใช่การยอมรับหรือเห็นด้วยก็จะมองว่าไม่เข้าข้าง คิดผิด และปฏิเสธความคิดเหล่านั้นไปเสียหมด ที่หนักๆ คือหลายๆ คนได้เจอคนดีๆ เข้ามาตักเตือนก็ไม่ฟัง หาว่าคนเหล่านั้นไม่รู้เรื่อง ไม่ใช่ตัวเอง ฯลฯ ผมมักพูดเสมอว่ามันมีเส้นแบ่งบางๆ ระหว่างความเชื่อมั่นในตัวเองกับการหลงตัวเอง ซึ่งถ้าเราตั้งสติและแยกแยะไม่ดีแล้ว เราจะข้ามเส้นไปสู่การทนงและเต็มไปด้วย Ego ชนิดที่ไม่ยอมรับเหตุผลอื่นๆ ซึ่งอาจจะถูกหรือดีกว่าที่เราคิดด้วยซ้ำ นอกจากนี้แล้ว ชีวิตของเรายังมีคนมากมายที่อาจจะเก่งกว่าเรา รู้มากกว่าเรา มีประสบการณ์มากกว่าเรา มีวิสัยทัศน์มากกว่าเรา ซึ่งคนเหล่านี้ในมุมหนึ่งเหมือนครู / เทวดาของเราที่ช่วยเตือนหรือแนะนำทางที่ใช่ให้กับเรา แน่นอนว่าคำแนะนำบางอย่างอาจจะขัดใจหรือไม่ตรงกับที่เราคิด แต่ก็นั่นแหละที่คำแนะนำเหล่านั้นหลายๆ ครั้งทำให้เราเปลี่ยนวิธีคิดไปสู่สิ่งที่ดีกว่าได้ ชีวิตผมเองก็ได้คนเหล่านี้ช่วยแนะนำและขัดเกลาตัวผมมาตลอด ลองดูสิครับ ลองเปิดใจฟังคำแนะนำ คำตักเตือนของคนที่คนมองว่าน่าเชื่อถือ และปรารถนาดีกับคุณ อย่าฟังแต่เฉพาะเสียงที่เยินยอ สรรเสริญคุณ หรือปลอบแบบเห็นอกเห็นใจคุณโดยไม่สนผิดถูก (ซึ่งเอาจริงๆ เสียงเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่ากลัวและพึงระวังเสียอีกต่างหาก) เพราะนั่นอาจจะเป็นการสร้างกะลามาครอบตัวคุณโดยไม่รู้ตัว

2. เลิกคิดว่าคนอื่นไม่เข้าใจตัวเอง / ไม่มีใครเป็นแบบฉัน

เอาจริงๆมันก็ไม่มีใครที่จะมีประสบการณ์แบบเรา 100% เพราะแต่ละคนก็ล้วนมีปัจจัยท่ีแตกต่างกันไป แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะเข้าใจและเข้าถึงตัวเราไม่ได้ การไปตราหน้าเขาว่าไม่เข้าใจ ไม่รู้จักตัวเรา มันก็กลายเป็นการสร้างอคติให้ตัวเราเองจนไม่สามารถฟังความเห็นหรือมุมมองจากคนอื่น ในประสบการณ์ของผมนั้น คนเก่งๆและคนที่สามารถสร้างทางชีวิตไปสู่สิ่งดีๆ นั้นคือคนที่เปิดรับมุมมองจากคนอื่นเพื่อทำให้ตัวเอง “เห็นรอบ” มากขึ้นก่อนจะสามารถเลือกเดินได้อย่างดี ทั้งนี้เพราะพวกเขาจะเห็นอะไรมากกว่าที่เขามองด้วยตัวเองเพียงคนเดียว แม้ว่าใครๆ ก็อาจจะไม่ได้เข้าใจคุณ 100% แต่บางอย่างจากประสบการณ์ของพวกเขาก็อาจจะเคยผ่านอะไรที่คล้ายๆกัน เทียบเคียงกันได้ บ้างก็อาจจะเคยเจออะไรที่หนักกว่าเราเสียด้วยซ้ำ มันเลยน่าจะเป็นเรื่องดีที่ลองฟังเรื่องราวและมุมมองจากเขาแล้วเอามาประกอบการวิเคราะห์ของเราเอง (แทนที่จะปิดกั้นตั้งแต่ยังไม่ทันรู้) นอกจากนี้แล้ว สิ่งสำคัญที่ทำให้เราโตขึ้นคือการได้สะสมประสบการณ์ต่างๆ ซึ่งการเรียนรู้จากประสบการณ์คนอื่นๆ ย่อมดีกว่าการที่เราสนใจแต่ประสบการณ์ของตัวเราเองคนเดียวนั่นแหละ

3. เลิกคิดว่าตัวเองเก่งแล้ว แน่แล้ว เจ๋งแล้ว

การที่ชีวิตเราจะดีขึ้นได้ มันก็ต้องเกิดจาการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างในชีวิตของเรา หนึ่งในนั้นคือทักษะ ความสามารถและทัศนคติต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้หากเราเอาแต่คิดว่าเราเก่งแล้ว ดีแล้ว ไม่ต้องพัฒนาแล้วเป็นแน่ จากประสบการณ์ของผมนั้น การเปลี่ยนทัศนคติ การเพิ่มทักษะและความสามารถตัวเองแม้ว่าจะไม่ได้เยอะมากแต่ก็สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับชีวิตพอสมควร เช่นถ้าเราคิดว่าเรายังรู้ไม่พอ ยังอยากรู้เพิ่มเติม เราก็จะเริ่มใช้เวลากับการหาความรู้ใส่ตัวมากขึ้น แม้จะไม่เยอะมากแต่มันก็ค่อยๆ สะสมไปเรื่อยก่อนที่เราจะพบว่าเรามาไกลจากจุดเดิมพอสมควร ซึ่งนั่นจะไม่มีวันเกิดขึ้นเลยถ้าเราคิดว่า “พอแล้ว” การทำตัวน้ำเต็มแก้วเป็นสิ่งที่เราถูกเตือนมาตั้งแต่เด็ก เป็นแง่คิดที่เราถูกปลูกฝังมาแต่ไหนแต่ไร อย่างไรก็ตามมันก็ดูจะถูกลืมโดยเฉพาะเมื่อเราโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ยิ่งถ้าประสบความสำเร็จก้าวหน้า ได้รับตำแหน่งใหญ่ๆ โตๆ แล้ว ความสำเร็จเหล่านี้กลายเป็นภาพที่ทำให้เราหลงไปว่าเราเก่งแล้ว มาไกลเพียงพอแล้ว ซึ่งในไม่ช้ามันก็จะกลายเป็นกับดักให้ตัวเราหลุดออกจากเส้นทางการพัฒนาตัวเองนั่นแหละ ฉะนั้นแล้ว ลองปรับความคิดดูว่าเรายังไปได้อีก ยังเก่งได้อีก ยังรู้ได้มากขึ้นอีก แล้วหาทางที่จะไป “ได้อีก” ดูสิครับ แล้วคุณจะเริ่มเห็นว่าชีวิตของเราเปลี่ยนวิธีคิด และวิธีมองโลกรอบๆตัวเราพอสมควรเลยทีเดียว

4. เลิกเอาตัวเองไปตาม / เทียบกับคนอื่น

หนึ่งในความทุกข์มาตรฐานของคนแบบเราๆ คือการที่พบว่าตัวเองด้อยกว่าคนอื่น ตัวผมเองก็เคยตกอยู่ในภาวะแบบเดียวกันเมื่อผมพยายามเอาชีวิตตัวเองไปเทียบกับคนรอบข้าง ทั้งที่จริงๆแล้วการเทียบแบบนี้มีแต่จะทำให้เรากดดันรู้สึกแย่ เพราะท้ายที่สุดเราก็จะพยายามมองไปว่าเราด้อยกว่าเขาเรื่องนั้นเรื่องนี้ (หรือถ้าใครดีกว่าก็กลายเป็นว่าดูถูกคนอื่นเสียอีก) นั่นยังไม่นับกับการพยายามเดินตามคนอื่นๆ จนหลายๆ คนก็ลืมตัวตนของตัวเองไปเลย สำหรับผมนั้น สิ่งที่ดีคือการที่เราหาคุณค่าในแบบตัวเราเองแล้วขัดเกลามันให้ดีในแบบที่เราเป็น ไม่ต้องไปเทียบว่าคนอื่นเป็นอย่างไร เราต้องไม่ลืมว่าคนอื่นๆนั้นมีปัจจัยที่ต่างจากเรา ไม่ว่าจะพื้นฐานครอบครัว ประสบการณ์ ฯลฯ ซึ่งมันไม่แฟร์เลยที่เราจะพยายามเอาตัวเราไปเทียบกับเขาเพียงเพื่อจะเอาชนะ (และสุดท้ายก็แพ้อยู่ดี)

5. เลิกดูถูกตัวเอง

สิ่งสำคัญที่ผมมักให้คำแนะนำกับหลายๆ คนที่มาปรึกษาผมหรือผมไปปลอบเขาในวันที่รู้สึกแย่ๆ คือการบอกว่าอย่าดูถูกตัวเอง หรือรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า เพราะนั่นจะทำให้เราปิดตัวเองอย่างรวดเร็วและนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า ไร้ความมุ่งมั่น และยอมแพ้กับชีวิตเอาได้ง่ายๆ ผมเองก็เคยผ่านชีวิตช่วงที่คิดแบบนี้มาก่อน ผมบอกได้เลยว่ามันไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีเลยแม้แต่น้อย มันมีแต่ทำให้เรารู้สึกว่าทุกๆอย่างคงไม่มีอะไรดีตราบใดที่ยังเป็นตัวเรา ทั้งที่จริงๆแล้วตัวเราเองก็มีค่าสำหรับหลายๆ คน และยังสามารถทำอะไรได้อีกมากมาย เพียงแต่เราไปตีตรามันเพราะความผิดพลาดบางอย่างที่ได้เกิดขึ้นไปแล้ว ต่อให้ที่ผ่านมาเราจะผิดพลาดอะไรไป มันอาจจะไม่ได้ดั่งใจ มันอาจจะไม่สวยงาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าวันพรุ่งนี้มันจะแย่แบบนั้นตลอดไป มันอยู่ที่เราจะเริ่มเปลี่ยนแปลงและทำให้มันดีขึ้นไหม คนจำนวนมากผิดพลาดอยู่ไม่น้อย ลองผิดลองถูกก็เยอะ แต่เพราะการพยายามที่จะไปสู่สิ่งที่ดีกว่ามันค่อยๆ เปลี่ยนชีวิตของพวกเขาทีละเล็กทีละน้อย ซึ่งนั่นต่างจากการเอาแต่คิดว่าอะไรๆ ก็แย่ และทำอะไรให้ดีขึ้นมาเลย

ในชีวิตเราคงมีบทเรียนและประสบการณ์อะไรอีกเยอะ 5 ข้อนี้อาจจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสิ่งที่จะมีผลกับตัวเรา แต่ผมเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นทัศนคติเริ่มต้นที่สำคัญในการพาตัวเราก้าวไปจากจุดเดิมๆ และเราเริ่มได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องรอให้ใครมาฉุดเราด้วยนะครับ

Credit : http://www.nuttaputch.com/5-things-that-you-should-stop-for-having-better-life/

JOBBKK.COM © Copyright All Right Reserved

Jobbkk has only one website. In no case, we have an affiliate, agent or appointee. Please do not rely on any other website, email, telephone, SMS or other contacting channel. If it is a case, we will prosecute under a lawsuit in the upmost as allowed. DBD

Top