แหล่งรวมความรู้ ข่าวสาร กิจกรรมเกี่ยวกับงานที่อัปเดตทุกวัน

23 พ.ค. 2566
1164

หางาน,สมัครงาน,งาน,Retention of employees การรักษาพนักงานในองค์กร 8 ข้อต้องทำในปี 2023

เมื่อคนทำงานเปลี่ยนวิถีการทำงานและเลือกงานมากขึ้น องค์กรก็หาคนยากขึ้น เทรนด์การทำงานของ HR ต่อไป นอกจากต้องปรับเป็น Agile Recruitment เพื่อให้ได้คนที่ใช่ รวดเร็วและทันเวลา อีกด้านหนึ่งก็ต้องเน้นการรักษาพนักงานทั้งเก่าและใหม่ให้อยู่กับองค์กรนานขึ้นด้วย โดยเฉพาะคนที่มีศักยภาพสูง สร้างผลงานสำคัญให้กับธุรกิจ โดยคำนึงถึงกลุ่มที่ทำงานในออฟฟิศและกลุ่มทำงานนอกออฟฟิศเช่น WFH, mobile workers ซึ่งเป็นกลุ่มงานที่เกิดใหม่และคงเป็นเช่นนี้ต่อไป

HR Buddy ขอแชร์ 8 ข้อสำคัญที่ต้องทำในปี 2023 มาเตรียมพร้อมไปด้วยกันนะคะ

1 กำหนดเป้าหมายชัดเจน ทั้งขององค์กร หน่วยงานและในแต่ละตำแหน่งงาน อย่าปล่อยให้พนักงานนั่งทำงานพอให้จบไปแต่ละวัน ไม่รู้เลยว่าทำไปเพื่ออะไร ต้องทำให้ดีแค่ไหน มากน้อยเพียงใด? เช่นนี้จะทำให้รู้สึกว่า เขาทำพอให้มีรายได้ไปก่อน เสร็จวันไหนเมื่อไรก็ได้ ระหว่างนั้นเขาก็จะหางานใหม่ไปด้วย ได้เมื่อไรเขาก็ไปค่ะ

2 มีการสื่อสารภายในอย่างต่อเนื่อง ให้พนักงานทุกคนรับทราบถึงเป้าหมายอย่างชัดเจน ทั้งที่ทำงานในออฟฟิศและ WFH รวมถึงเรื่องสำคัญต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในองค์กรต้องอัปเดตตลอดค่ะ เพื่อสร้างความสัมพันธ์และให้รู้ว่าทุกคนมีจุดร่วมเดียวกัน รวมถึงการรับรู้ feedback ของพนักงาน โดยเฉพาะสัญญาณที่ชี้ให้เห็นความต้องการทำงานอยู่ต่อไปหรือไม่ อย่าปล่อยให้บรรยากาศเป็นแบบต่างคนต่างอยู่ เลิกงานก็แยกย้าย

3 ให้อำนาจในการทำงาน (Empower) ตามความเหมาะสมของตำแหน่งและลักษณะงาน ให้เขารู้สึกมีอิสระในการตัดสินใจ ไม่ต้องรอใครอนุมัติทุกขั้นตอนตลอดเวลา การทำงานก็มีความสุขและยังทำให้ภูมิใจในงานมากขึ้นด้วย หากเกิดความผิดพลาด เขาจะได้เรียนรู้ รับผิดชอบด้วยตนเอง เพื่อให้เขาเติบโตขึ้นและเก่งขึ้นด้วยค่ะ

4 ให้ผลตอบแทนตามผลงาน อย่ากำหนดกรอบตายตัวเกินไปค่ะ ว่าประเมินผลงานได้เกรดนี้ได้ขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์แล้วก็จบกันไป การกำหนดงบประมาณการปรับเงินเดือนต้องมีการตั้งงบพิเศษไว้สำหรับคนสำคัญหรือที่ดูแลงานสำคัญขององค์กร เป็นการปรับเพิ่มให้อีกส่วนหนึ่งนอกจากได้ปรับจากการประเมินผลงานปกติ เพื่อเป็นแรงผลักดันให้เขาพัฒนาและตั้งใจทำงานต่อไป (แต่ถ้าทำดีแล้วไม่ได้ดี ก็ไม่รู้จะอยู่ทำไม จริงไหมคะ?)

5 ยืดหยุ่นโครงสร้างค่าจ้าง เพราะคนทำงานมีการเปลี่ยนอาชีพและรูปแบบการทำงานไปจากเดิมมาก คนหันมาสนใจการทำงานแบบ freelance, gig worker ทำให้บางตำแหน่งงานหาคนยากมาก แต่เมื่อดูเงินเดือนที่จ้างกลับไม่จูงใจเลย ดังนั้นนโยบายการจ้างเก่าที่กำหนดตายตัว เช่น พนักงานตำแหน่งนี้ค่าจ้างต้องเท่านี้เท่ากับตำแหน่งอื่นที่มีระดับเท่ากัน ก็ต้องปรับเพิ่มตามความหายาก ไม่เช่นนั้นตำแหน่งงานว่างก็จะว่างไปอีกนาน ซึ่งอาจเป็นปีหรือมากกว่า หรือลักษณะงานในบางตำแหน่งอาจลองจ้างแบบ freelance บ้างหรือไม่ ทั้งนี้ ต้องพิจารณาตามความยากของการหาคนในแต่ละตำแหน่งงาน ถ้ายากเกิน ก็จำเป็นต้องยืดหยุ่นมากขึ้นค่ะ

6 ให้อิสระในการทำงาน (อนุโลมเรื่องเวลาและสถานที่) ตามความเหมาะสมของลักษณะงาน อาจปรับเปลี่ยนให้มีการ Work From Home/Work From Anywhere หรือ Hybrid ซึ่งกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ถ้าองค์กรเราไม่มี มัวยึดติดวิธีการเดิมหรือแนวคิดเดิม ๆ เขาก็คงเห็นว่าที่อื่นดีกว่าเป็นธรรมดาค่ะ

7 ให้สวัสดิการพิเศษ ตามผลงานและรูปแบบการทำงาน ใครผลงานดี สิ่งที่ได้รับเพิ่มพิเศษก็ต้องดีตาม นอกจากจะเป็นกำลังใจให้เขาทำดีต่อไป ยังทำให้พนักงานคนอื่น ๆ มีแรงบันดาลใจในการทำผลงานให้ดีขึ้นด้วย รวมถึงการ Support ในเรื่องต่าง ๆ ที่พิเศษยิ่งขึ้น เช่น การให้อุปกรณ์การทำงานสำหรับคน Work From Home เพื่อความพร้อมในการทำงานได้ดีขึ้น หรือในออฟฟิศ อาจมีมุมคลายเครียด มุมกาแฟ มุมเงียบส่วนตัวสำหรับคิดงาน โต๊ะทำงานที่พิเศษกว่าปกติ ที่จอดรถเฉพาะ เป็นต้น

8 กำจัดการเมืองในองค์กร เช่น การแบ่งพรรคแบ่งพวก การกลั่นแกล้ง นินทา Discredit เห็นคนอื่นดีกว่าไม่ได้ อยากเป็นลูกรักเพียงคนเดียวของเจ้านาย เป็นต้น ถ้าเรื่องนี้ยังคงอยู่ การทำ 7 ข้อด้านบน ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลยค่ะ ไม่ว่าจะพนักงานธรรมดาไปจนถึงคนโดดเด่น มีความสามารถ ก็ไม่มีใครอยากอยู่นานแน่นอน เพราะเรื่องนี้มีแต่จะทำให้การทำงานของเขาแย่ลง คนที่ตั้งใจทำงานทุกคนแพ้การเมืองค่ะ

อย่างไรแล้ว ยุคนี้กว่าจะหาคนได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งหามาได้ไม่นาน ก็ลาออกอีกแล้ว การหาคนต้องวนซ้ำตลอดเวลา แต่ถ้าองค์กรเรามี 8 ข้อนี้ นอกจากจะช่วยลดการลาออก ยังเป็นการสนับสนุนให้พนักงานเติบโต มีความสามารถมากขึ้น องค์กรก็ขับเคลื่อนได้อย่างต่อเนื่อง คนนอกก็อยากเข้ามาทำงาน การหาคนจะง่ายขึ้นมาก ๆ ด้วย